เมนู

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระมหาโกฏฐิตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.

จบมหาโกฏฐิเถราปทาน

537. อรรถกถามหาโกฏฐิกฺเถราปทาน

1

พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 7 ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระมหาโกฏฐิกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
นาม ชิโน ดังนี้.
มีเรื่องเกิดขึ้นอย่างไร ? แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมา
แล้ว ในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระ-
นิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
ปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลที่มีโภคะมากในหังสวดีนคร บรรลุนิติ-
ภาวะแล้ว พอมารดาล่วงลับไปแล้ว ดำรงตำแหน่งกุฎุมพีอยู่ครองฆราวาส.
วันหนึ่งในเวลาที่พระมีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระทรงแสดงธรรม เขา
ได้มองเห็นชาวหังสวดีนคร ถือของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ซึ่งกำลัง
นอบน้อม น้อมกายไปในที่เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระธรรม และ
พระสงฆ์จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับคนเหล่านั้นด้วย ได้เห็นภิกษุ
รูปหนึ่งซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาเธอไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุ

1. บาลีเป็น มหาโกฏฐิเตเถราปทาน

ปฏิสัมภิทาจึงคิดว่า ภิกษุรูปนี้ เยี่ยมยอดกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทาใน
พระศาสนานี้ ถ้าแม้ไฉนเราพึงเป็นผู้ยอดเยี่ยม กว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
เหมือนดังภิกษุรูปนี้บ้าง ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าสักพระองค์หนึ่ง ดังนี้
ในเวลาจบเทศนาของพระศาสดา เมื่อบริษัทลุกไปแล้ว จึงเข้าไปใกล้พระผู้มี
พระภาคเจ้าแล้วกราบทูลนิมนต์ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พรุ่งนี้ขอนิมนต์
รับภิกษาที่เรือนของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. พระศาสดาทรงรับนิมนต์
แล้ว. เขาถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ทำประทักษิณแล้ว กับไปยัง
เรือนของตน เอาของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ประดับที่ที่ประทับนั่ง
ของพระพุทธเจ้า และที่นั่งของภิกษุสงฆ์ตลอดทั้งคืนยังรุ่งแล้ว ให้คนจัดแจง
ขาทนียะและโภชนียะ ณ ที่อยู่ของตน พอล่วงราตรีนั้นไป ได้นิมนต์พระ-
ศาสดา ซึ่งมีภิกษุแสนรูปเป็นบริวารให้ฉันข้าวสาลีอันมีกลิ่นหอม พร้อมทั้งสูปะ
และพยัญชนะ อันเป็นบริวารของยาคูและของเคี้ยวนานาชนิด ในเวลาเสร็จ
ภัตรกิจ คิดว่า เราจะขอปรารถนาตำแหน่งให้ยิ่งใหญ่แล แต่เราไม่ควรถวาย
ทานเพียงวันเดียวเท่านั้น ควรถวายทานตลอด 7 วัน ตามลำดับเพื่อปรารถนา
ตำแหน่งนั้น แล้วจึงจักปรารถนา. เขาได้ถวายมหาทานตลอด 7 วัน โดย
ทำนองนั้นนั่นแล ในเวลาเสร็จภัตรกิจ ให้คนเปิดโรงเก็บผ้าแล้ว วางผ้า
เนื้อละเอียดชนิดเยี่ยมซึ่งเพียงพอทำเป็นไตรจีวรได้ ณ ที่บาทมูลของพระพุทธ-
เจ้า และได้ถวายไตรจีวรแก่ภิกษุแสนรูปแล้ว เข้าไปใกล้พระตถาคตเจ้า
หมอบลงที่บาทมูลของพระศาสดาแล้วตั้งความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญภิกษุรูปใดที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้ปฏิ-
สัมภิทาในวันที่ 7 นับแต่วันนี้ แม้ข้าพระองค์ก็พึงเป็นเหมือนภิกษุรูปนั้นบ้าง

คือ ขอให้ได้บวชในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้จะทรงอุบัติในอนาคตกาล
แล้ว พึงเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเถิด. พระศาสดาทรงทราบ
ถึงความสำเร็จของเขา จึงทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาล คือในที่สุดแห่ง
แสนกัปแต่นี้ไป พระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม จักทรงอุบัติขึ้นในโลก ความ
ปรารถนาของเธอ จักสำเร็จในพระศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
และ เขากระทำบุญไว้ในที่นั้นเป็นอันมากจนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้น
แล้ว ได้เสวยเทวสมบัติวนเวียนอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก
เขาท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษย์โลกอย่างนั้น ได้รวบรวมสั่งสม
บุญสมภารไว้ในภพนั้น ๆ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์
มหาศาลในกรุงสาวัตถี. มารดาบิดาได้ตั้งชื่อเขาว่าโกฏฐิกะ. หากจะมีคำถาม
ว่า ทำไมไม่ดังชื่อตามมารดา หรือ ตามฝ่ายญาติมีปู่ ตา เป็นต้น เพราะ
เหตุไรจึงพากันตั้งชื่ออย่างนั้นเล่า. บัณฑิตพึงทราบคำตอบว่า มารดาบิดาได้
ตั้งชื่อเขาตามความหมายว่า เป็นผู้ทำชนที่ตนเห็นแล้ว เห็นแล้วให้หลบซ่อน
เที่ยวเจาะแทงด้วยหอกคือปาก เพราะว่าตนเป็นผู้ฉลาด ในเวทางคศาสตร์
ในตักกศาสตร์ของคนและของผู้อื่น ในนิฆัณฑุศาสตร์ เกฏุภศาสตร์ของตน
ในประเภทแห่งอักษรสมัยของตน และในการพยากรณ์ทั้งหมดแล. เขาเจริญ
วัยแล้วเล่าเรียนไตรเพทจนถึงความสำเร็จในศิลปของพราหมณ์ วันหนึ่งเข้าไป
เฝ้าพระศาสดาฟังธรรมแล้ว ได้มีศรัทธาบวช ตั้งแต่เวลาได้อุปสมบทแล้ว
ก็บำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฎฐาน ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา 4 เป็น
ผู้เชี่ยวชาญในการประพฤติในปฏิสัมภิทา ไม่กลัว แม้เข้าไปหาพระมหาเถระก็

ถามปัญหา เข้าไปเฝ้าพระทศพลแล้วก็ยังถามปัญหาในปฏิสัมภิทา 4 นั่นแล.
พระเถระรูปนี้ กลายเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทาได้ ก็เพราะ
ท่านได้สั่งสมบุญไว้ในปฏิสัมภิทานั้น และเพราะท่านชำนาญในการประพฤติ
ปฏิสัมภิทานั้น. ลำดับนั้น พระศาสดาได้ทรงการทำมหาเวทัลลสูตรให้เป็น
อัตถุปัตติเหตุแล้ว ทรงสถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุ
ปฏิสัมภิทา และตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาโกฏฐิกะนี้ เป็นผู้เลิศกว่า
พวกภิกษุสาวกของเราผู้บรรลุปฏิสัมภิทาแล.
สมัยต่อมา ท่านเมื่อได้เสวยความสุขอันเกิดแต่ก็วิมุตติ เกิดความ
โสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน
ของตน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. คำนั้นทั้งหมด
มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น เพราะมีนัยดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล.
คำว่า สุทํ ในบทว่า อิตฺถํ สุทมายสฺมา มหาโกฏฺฐิโก นิ เป็นนิบาตใช้ลงใน
การชี้แจงแสดงตัวอย่าง. คำว่า อายสฺมา เป็นความเรียกโดยความเคารพอย่างยิ่ง
เหมือนดังคำว่า อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ดังนี้แล.
จบอรรถกถามหาโกฏฐิกเถราปทาน

อุรุเวทกัสสปเถราปทานที่ 8 (538)


. .

ว่าด้วยบุพจริยาของพระอุรุเวลกัสสปเถระ



[128] ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระพิชิต
มาร พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้รู้แจ้งโลกทั้งปวง
เป็นนักปราชญ์มีจักษุ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระ-
องค์เป็นผู้ตรัสสอน ทรงแสดงให้สัตว์รู้ชัด ได้ยัง
สรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร ฉลาดในเทศนา
เป็นผู้เบิกบาน ทรงช่วยประชุมชนให้ข้ามพ้นไป
เสียเป็นอันมาก
พระองค์เป็นผู้อนุเคราะห์ประกอบด้วย
พระกรุณา แสวงหาประโยชน์ให้สรรพสัตว์ ยัง
เดียรถีย์ที่มาเฝ้าให้ดำรงอยู่ในเบญจศีลได้ทุกคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระศาสนาจึงไม่มีความ
อากูล ว่างสูญจากเดียรถีย์ วิจิตรด้วยพระอรหันต์
ผู้คงที่มีความชำนิชำนาญ
พระมหามุนีพระองค์นั้น สูงประมาณ
58 ศอก มีพระฉวีวรรณงามคล้ายทองคำอันล้ำค่า
มีพระลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ
ครั้งนั้น อายุของสัตว์แสนปี พระชิน-
สีห์พระองค์นั้น เมื่อดำรงพระชนม์อยู่โดยกาล